ประวัติ
หลังจากรายการชิงร้อยชิงล้านออกอากาศมาประมาณ 3 ปี 9 เดือน และได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้ชมโทรทัศน์ในยุคนั้น ชิงร้อยชิงล้านก็ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการใหม่ชนิด "ยกเครื่อง" โดยได้เปลี่ยนชื่อรายการมาเป็น ชิงร้อยชิงล้าน Top Secretชื่อชิงร้อยชิงล้าน Top Secret นั้นมาจากการรวมความลับของดาราทั้งหมดมาอยู่ในรายการซึ่งจะมีทั้งประสบการณ์ ในชีวิตของดาราและความสามารถต่างๆที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ทั้งนี้ ชิงร้อยชิงล้าน Top Secret นับเป็นรูปแบบรายการใหม่ที่ไม่เหลือเค้าของความเป็นชิงร้อยชิงล้านเดิม จากเดิมที่เป็นเกมการแข่งขันต่างๆ (เช่น ชิงบ๊วย, ชิงดำ เป็นต้น) มาเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวประสบการณ์ชีวิตของดารารับเชิญในรูปแบบเกมการแข่ง ขัน โดยเกมทั้งหมดที่เคยมีอยู่เดิม ได้ถูกตัดทอนให้เหลือเพียง 2 เกมหลัก ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็คือเกม จริงหรือไม่ ที่เป็นคำถามซึ่งเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ชีวิต และเรื่องราวต่างๆในหลายแง่มุมที่เกิดขึ้นกับดาราที่เป็นผู้ร่วมเล่นเกม ทั้งนี้ เกมจริงหรือไม่ ได้อยู่คู่กับชิงร้อยชิงล้านมานานกว่า 5 ปี ผ่านชิงร้อยชิงล้านมาถึง 4 ยุค ก่อนที่รูปแบบของจริงหรือไม่ จะถูกเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในชิงร้อยชิงล้าน Cha Cha Cha
เกมในชิงร้อยชิงล้าน Top Secret
ในชิงร้อยชิงล้าน Top Secret นั้นได้ปรับเปลี่ยนเกมรูปแบบใหม่ ที่แตกต่างไปจากชิงร้อยชิงล้านเดิมจนหมดสิ้น และเหลือเพียง 2 เกมหลักเท่านั้น (แต่เหลือเพียงเกมเดียวในปี 2537 เป็นต้นมา) ทั้งนี้ เกมในชิงร้อยชิงล้าน Top Secret อาจแบ่งแยกได้เป็น 2 ยุค คือก่อนปี 2537 และหลังปี 2537 ซึ่งทั้งสองยุคมีกติกาที่แตกต่างกันไป ดังที่จะมีการกล่าวไว้ในเกมแต่ละเกมด้วยจริงหรือไม่
เกมจริงหรือไม่ เป็นเกมที่เริ่มต้นขึ้นในยุคนี้ และจะอยู่คู่ชิงร้อยชิงล้านไปอีก 8 ปี (ถึงชิงร้อยชิงล้าน Cha Cha Cha) ซึ่งเกมนี้ เป็นการนำเอาประสบการณ์ชีวิตในแง่มุมต่างๆของดาราที่เป็นผู้เข้าแข่งขันใน เกม ไม่ว่าจะเป็น ความชอบ งานอดิเรก ของสะสมส่วนตัว หรือแม้กระทั่งประสบการณ์ลี้ลับ และเฉียดความตาย โดยเรื่องราวเหล่านี้ จะถูกนำมาใช้เป็นเกมการแข่งขันในรูปแบบตอบคำถาม โดยในการแข่งขัน ทีมที่จะเป็นผู้ตอบคำถาม คือทีมฝ่ายตรงข้ามที่ไม่ใช่เจ้าของเรื่อง ซึ่งทีมที่ตอบจะต้องทายว่าคำถามในข้อนั้นเป็นเรื่องจริง หรือไม่จริง หลังจากที่ตอบแล้ว ทีมเจ้าของเรื่องนั้นจะเป็นผู้เฉลยว่าคำถามนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ถ้าทีมฝ่ายตรงข้ามตอบถูกก็จะได้คะแนนไป แต่ถ้าตอบผิด ทีมเจ้าของเรื่องจะได้คะแนนทั้งนี้ เกมจริงหรือไม่ จะมีคำถามทั้งหมด 8 ข้อ ซึ่งแต่ละทีมจะมีโอกาสตอบคำถามทั้งหมด 4 ข้อด้วยกัน และเป็นการสลับกับตอบคำถามไประหว่างสองทีม โดยในแต่ละข้อ หลังจากที่มีการเฉลยคำตอบแล้ว ก็จะมีการพูดคุยกับดาราเจ้าของเรื่องเกี่ยวกับเรื่องที่ตั้งเป็นคำถามนั้นๆ บางครั้งอาจมีการสาธิตโชว์เรื่องนั้นให้ดูในรายการ หากเป็นเรื่องความสามารถ หรือมีการนำของสะสมต่างๆ มากมายที่เป็นของดารามาแสดงในรายการ ในกรณีที่คำถามเกี่ยวข้องกับของสะสมของดารา ทั้งนี้ การพูดคุยกับดารา ยังมีคุณหม่ำ จ๊กมก มาสร้างสีสันเสียงหัวเราะให้ท่านผู้ชมได้รับความสนุกสนานกันอีกด้วย
ทว่าในปี 2537 เกมจริงหรือไม่ ถูกปรับเปลี่ยนกติกาเล็กน้อย โดยในการตอบคำถามนั้น จะให้ทีมเจ้าของเรื่องเลือกสมาชิกคนใดคนหนึ่งของทีมตรงข้ามมาเป็นผู้ตอบ แต่การได้คะแนนจะยังคงรูปแบบเดิมไว้ นอกจากนี้ ในคำถามทั้ง 8 ข้อ ข้อสุดท้ายจะมีคะแนนอยู่ 2 คะแนน (ปกติ คำถามแต่ละข้อจะมีข้อละ 1 คะแนน) อีกทั้ง ทีมใดก็ตามที่สามารถตอบคำถามได้ถูกต้องครบทั้ง 8 ข้อ จะได้รับเงินรางวัล 30,000 บาท จากผู้สนับสนุนรายการด้วย
รอบตัดสิน
ในรอบนี้เป็นการตัดสินว่าผู้เข้าแข่งขันทีมใดจะได้เข้าสู่รอบ Jackpot ชิงเงินล้าน ซึ่งในช่วงแรก (ก่อนปี 2537) เกมในรอบนี้จะคล้ายกับเกมชิงล้านของชิงร้อยชิงล้านยุคแรก เสมือนการนำเอาเกม แจ็กพอต เดิมโยกย้ายมาไว้เป็นเกมรอบตัดสินนี้ โดยจะมีคำถามทั้งหมด 5 ข้อ ซึ่งในแต่ละทีม ผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งจะอยู่ในห้องที่กั้นเสียงทั้งหมด ส่วนอีกคนหนึ่งจะบอกคำเฉลย โดยผู้ที่อยู่ในห้องต้องตอบคำตอบทั้ง 5 ข้อ ซึ่งคำถามจะมีลักษณะเช่น เพื่อนร่วมทีมของตนชอบอะไรบ้าง, เพื่อนร่วมทีมของตนไม่ชอบสัตว์อะไร, เพื่อนร่วมทีมของตนชื่นชอบหนังของเพื่อนร่วมทีมที่อยู่ในห้องกั้นเสียง เป็นต้น ถ้าใครตอบคำถามได้มากที่สุด ผู้เข้าแข่งขันทีมนั้นจะเข้าได้สู่รอบ Jackpot ชิงเงินล้านทันทีทว่าตั้งแต่ช่วงปี 2537 เป็นต้นมา เกมรอบตัดสินได้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นการเปิดป้ายคะแนนแทน ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับเกมชิงบ๊วยในยุคชิงร้อยชิงล้านยุคแรก แต่จะใช้รูปแบบของแผ่นป้ายขนาดเล็กแทนการเปิดลูกคะแนนที่เป็นลูกเหล็กทรงกลม โดยจะมีแผ่นป้าย 12 แผ่นป้ายซึ่งมีคะแนน 1-9 และอีก 3 แผ่นป้าย จะเป็นรูปใบหน้าของคุณปัญญาและ คุณมยุราซึ่งเป็นพิธีกร และคุณหม่ำ ซึ่งเป็นตลกประจำรายการ ทั้งนี้ ถ้าเปิดเจอป้ายปัญญา จะได้คะแนน 10 คะแนน ส่วนป้ายมยุรา หากเปิดได้ จะถือว่าเข้ารอบทันที (มีค่า 10 คะแนนเช่นเดียวกัน แต่ค่าของคะแนนสามารถชนะป้ายอื่นๆ ได้ รวมทั้งป้ายปัญญาด้วย) แต่ถ้าเจอป้ายหม่ำจะตกรอบทันที (ป้ายหม่ำนั้น ในกรณีที่ทีมผู้เข้าแข่งขันสามารถเลือกเปิดได้ 2 แผ่นป้าย ถึงจะสามารถเปิดเจอป้ายใดๆก็ตาม แม้กระทั่งมยุรา แต่ถ้าอีกแผ่นป้ายหนึ่งเปิดเจอหม่ำ จะถือว่าตกรอบทันที ไม่ว่าจะเปิดได้อะไรก็ตาม) ในเกมเปิดแผ่นป้ายคะแนนนี้ จะมีการดูคะแนนจากรอบเกมจริงหรือไม่ด้วย ทีมที่มีคะแนนสะสมจากเกมจริงหรือไม่มากที่สุด จะได้เลือก 2 แผ่นป้าย ส่วนอีกทีมหนึ่งจะได้เลือกเปิด 1 แผ่นป้าย (แต่ถ้ามีคะแนนเสมอกัน ทั้งสองฝ่ายจะได้เลือกเปิดคนละ 1 แผ่นป้ายเท่านั้น) ทั้งนี้ ในการเล่นเกม ทีมที่เปิดป้ายได้คะแนนรวมมากที่สุดจะเข้ารอบทันที แต่ถ้ามีคะแนนเท่ากัน ทีมที่เปิดได้ 2 ป้าย จะเข้ารอบทันที อย่างไรก็ดี ในเกมนี้ ในทีมที่สามารถเปิดได้ 2 แผ่นป้าย หากสามารถเปิดแผ่นป้ายได้เป็นรูปปัญญา และมยุรา ทั้งคู่ ทีมนั้นจะได้รับรางวัลพิเศษ เป็นเงินรางวัล 100,000 บาท
อนึ่ง เกมเปิดป้ายคะแนนนี้ ได้ถูกใช้มาตั้งแต่ปี 2537 จนถึงปัจจุบัน (ชิงร้อยชิงล้าน ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ตั๊ก) โดยรูปแบบของเกมนี้ ไม่เคยถูกเปลี่ยนแปลงเลยตลอดระยะเวลาที่ใช้มา นอกจากเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางประการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่น ต่อมา ไม่มีการถือว่าผู้ที่ได้เปิด 2 แผ่นป้ายได้เข้ารอบทันที หากมีคะแนนเสมอกัน เป็นต้น และในขณะเดียวกัน ปี 2537 นับเป็นปีที่มีการยุติการเล่นเกมทายใจ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชิงร้อยชิงล้านในยุคแรกอย่างถาวร หลังจากที่มีการใช้เกมทายใจเป็นเกมแจ็กพอต และเกมในรอบตัดสินมาตลอด 4 ปี (2533 - 2537)
ประตูหม่ำ ประตูหมื่น
สำหรับเกม ประตูหม่ำ ประตูหมื่น นี้ เป็นเกมสำหรับผู้เข้าแข่งขันที่ตกรอบเท่านั้น โดยก่อนปี 2537 นั้นจะให้ดาราคนใดคนหนึ่งเข้าไปอยู่ในประตูทึบ แล้วให้ดาราที่อยู่ด้านนอกนั้น เลือกประตูว่าเพื่อนร่วมทีมของตนที่อยู่ในประตูนั้นอยู่ประตูที่ 1 หรือ ประตูที่ 2 ซึ่งจะมีอยู่ 2 ประตู และทั้ง 2 ประตูนี้จะมีดารา และหม่ำ จ๊กมก อยู่ด้วย ถ้าดาราเปิดประตูเจอดาราด้วยกัน จะได้เงินรางวัล 20,000 บาท แต่ถ้าดาราเปิดประตูเจอหม่ำ จ๊กมก จะได้เงินรางวัล 10,000 บาทแต่ในช่วงปี 2537 ซึ่งชิงร้อยชิงล้าน Top Secret ได้เปลี่ยนรูปแบบให้ทีมผู้เข้าแข่งขันมีทีมละ 3 คนนั้น ประตูหม่ำ ประตูหมื่น จะให้ดารา 1 ใน 3 คนไปอยู่ในประตู แล้วให้ดารา 2 คน ที่อยู่ด้านนอกเป็นผู้ทายว่าเพื่อนร่วมทีมของตน อยู่ในประตูใด เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ ทว่าถ้าดาราเปิดประตูเจอดาราด้วยกันจะได้เงินรางวัล 10,000 บาท (จากเดิม 20,000 บาท) และถ้าดาราเปิดประตูเจอหม่ำ จ๊กมก จะไม่ได้เงินรางวัลอะไรเลย
รอบสุดท้าย
ในรอบ Jackpot ของชิงร้อยชิงล้าน Top Secret นั้นได้พัฒนาเกมจากรอบชิงล้านซึ่งเป็นคำถามทายใจมาเป็นเกมเปิดป้าย โดยกติกามีอยู่ว่ามีแผ่นป้ายทั้ง 12 แผ่นป้ายด้วยกันโดยถ้าเปิดเป็นเลข 0 ซึ่งจะมี 6 แผ่นป้ายป้ายละ 10,000 บาท แต่ถ้าเจอป้ายรูปหม่ำ จ๊กมก ที่มีรูปผู้สนับสนุนรายการทั้ง 3 ป้ายที่มีเงินรางวัล 20,000 บาท แต่อีก 3 ป้ายเป็นป้ายเปล่าไม่มีเงินรางวัลแต่อย่างใด แต่ถ้าเปิดป้ายเลข 0 หรือรูปหม่ำ จ๊กมกครบทั้ง 6 ป้าย จะได้เงินรางวัล 2,000,000 บาทโดยเงินรางวัลนั้นจะถูกแบ่งเป็นเงินรางวัล 1,000,000 บาทให้กับผู้เข้าแข่งขัน และผู้โชคดีที่มาจากการจับรางวัลซึ่งเป็นฉลากชิ้นส่วนของผู้สนับสนุนรายการ ที่ผู้ชมทางบ้านส่งมาร่วมสนุกนั่นเองเกมเปิดป้ายชิงเงินล้านนี้ ถูกใช้มาตั้งแต่ปี 2536 จนถึงปัจจุบัน (ชิงร้อยชิงล้าน ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ตั๊ก) โดยแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบกติกาของเกมเลย ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบอีกครั้งในยุค ชิงร้อยชิงล้าน Cha Cha Cha ในช่วงปลายปี 2549
ผู้เข้าแข่งขัน
ในชิงร้อยชิงล้าน Top Secret ตั้งแต่ในปี 2536 นั้นจะมี 2 ทีมต่อสัปดาห์ด้วยกันโดยทางรายการจะเชิญดาราชายและดาราหญิง 2 คนโดยจะแบ่งเป็นทีมชายและทีมหญิงและในปี 2537 นั้นถูกปรับเพิ่มจากทีมละ 2 คนเป็น 3 คนต่อทีมในแต่ละสัปดาห์และในแต่ละทีมจะต้องใช้ชื่อทีมด้วยเกร็ดข้อมูล
- ชิงร้อยชิงล้าน Top Secret นั้นเป็นยุคที่ไม่มีการ Jackpot แตกอย่างใด
- ชื่อ ชิงร้อยชิงล้าน Top Secret นั้นถูกใช้ชื่อได้น้อยที่สุดรวมเวลา 8 เดือน 17 วัน